Chapter 3: Step by Step
- White&Fai
- Nov 10, 2017
- 5 min read
“แฮร์รี่!! ไอ้เฟอเร็ทมันพานาย เอ๊ย เธอไปไหนมา!! มันไม่ได้ทำอะไรนาย — เธอใช่ไหม!!?”
ทันทีที่เข้ามาในห้องโถง รอนก็ปรี่ตัวเข้ามาหาพลางดึงเพื่อนรักออกนอกห้องโถง ตามหลังมาด้วยเฮอร์ไมโอนี่ที่ร้องตะโกนเรียกรอนไม่หยุด และเมื่อรอนพามาที่ ที่คนผ่านไปมาน้อยก็ระเบิดคำถามใส่ทันที พร้อมจับหญิงสาวตรงหน้าหมุนไปมา
“ใจเย็นๆ รอน” แฮร์รี่เริ่มรู้สึกเวียนหัว “เขาไม่ได้ทำอะไรฉันเลย—“
“แน่ใจนะ!?” รอนจับไหล่ทั้งสองข้างของแฮร์รี่แน่นพลางจ้องเขม็ง แฮร์รี่สบตากับรอนแล้วพยักหน้าหงึกหงักเป็นการยืนยัน รอนถอนหายใจออกมาหน่อยๆ
“แล้วมันพานะ— เธอไปไหนมา?” รอนถาม
“ทะเลสาบน่ะ” นั่นทำให้รอนมุ่นคิ้ว
“พาไปทำไมทะเลสาบ—“
“นายจะเซ้าซี้ให้มันได้อะไร” เสียงเฮอร์ไมโอนี่ดังขัดรอน เขา (หล่อน) ยืนกอดอกมอง “ยังไงแฮร์รี่ก็ปลอดภัย แล้วอีกอย่างท่าทางมัลฟอยจะไม่ได้หาเรื่องอะไรด้วย ดังนั้นนายก็ควรให้แฮร์รี่พักสักหน่อยนะรอน นายก็รู้ว่าแฮร์รี่ตอนนี้เป็นยังไง—” และอีกสารพัดคำบ่นที่ทำให้รอนหูชา เขาเบ้หน้า
“โอเคๆๆ พอได้แล้วเฮอร์ไมโอนี่! เอาล่ะ! เรากลับเข้าห้องโถงไปกินข้าวกันดีกว่าหิวจะแย่”
กล่าวจบก็จับมือจับแขนเฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่ตรงดิ่งกลับไปยังห้องโถงทันที
เมื่อถึงโต๊ะ รอนไม่รอช้าที่จะกระโดดขึ้นนั่งพร้อมกับสวาปามอาหารเบื้องหน้าของเขา โดยมีสายตาของเฮอร์ไมโอนี่มองอย่างตำหนิและเอือมระอา แฮร์รี่ยิ้มนิดๆ มองเพื่อนรักทั้งสองแล้วบรรจงทานอาหารตรงหน้า
“อ๊วกอั้นอ่ะอองอำไออั๊กอ๋า?” รอนถามเสียงอู้อี้ทั้งที่ปากมีอาหารเต็มไปหมดราวกับยัดมันเข้าไป
“เคี้ยว! กลืน! แล้วค่อยพูด!!” เฮอร์ไมโอนี่ว่าเสียงเขียวรอนจึงรีบทำตามทันทีเกรงอีกฝ่ายจะโกรธ
“พวกนั้นจะมองทำไมนักหนา?” เขาถามขึ้นอีกครั้งพร้อมดื่มน้ำฟักทอง
แฮร์รี่ไหวตัวเมื่อได้ยินคำถาม อันที่จริงก็พอจะรู้สึกตั้งแต่เดินเข้าห้องโถงมาแล้วว่าสายตาแทบทุกคู่ มองมาที่หล่อน (เขา) ตลอดเวลา นัยน์ตาสีมรกตคู่งามเหลือบมองไปรอบๆ เห็นได้ชัดว่าจำนวนสายตาที่มองมายังคงเท่าเดิม และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อมีคนเข้ามาในห้องโถง
ทั้งที่คนออกจะเยอะ แต่ดูหล่อน (เขา) เด่นเป็นพิเศษอย่างไรอย่างนั้น
จะบอกว่าเรื่องชุดคงใช่ ก็ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนหลังจากใช้คาถา แต่คนออกจะเยอะแยะ อย่างไรก็ตามถ้าไม่เดินเฉียดมาใกล้คงไม่เห็นแท้ๆ ในเมื่อความสูงหลายๆ คนมันแทบจะบังหล่อน (เขา) อยู่แล้ว แฮร์รี่รู้สึกอึดอัดขึ้นมา หล่อน (เขา) เริ่มวางตัวไม่ถูก
“ทำไมพวกเขาต้องมองฉันอย่างนั้น” แฮร์รี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว ใบหน้าฉายความอึดอัดชัดเจน
“นาย— เธอออกจะน่ารักนะแฮร์รี่ ทุกคนเลยตะลึง” เซมัสที่ถัดจากรอนไปทางซ้ายตอบมา
แฮร์รี่หน้าแดง “ส— สวย?”
“ใช่” เนวิลล์เสริม “น่ารักจริงๆ นะแฮร์รี่... น่ารักมากๆ ด้วย ใครเห็นก็ต้องอึ้ง ตะลึงเป็นธรรมดาไม่น่าแปลกหรอก” เขายิ้มพร้อมกล่าวราวกับคนกำลังจะเคลิ้ม
ผัวะ!
ดีนกับเซมัสที่นั่งขนาบข้างเนวิลล์จัดการกำหมัดซัดหลังพ่อคนกำลังเคลิ้มเข้าให้เล่นเอาหน้าเกือบทิ่ม “เฮ้!” เนวิลล์ส่งเสียงร้องไม่พอใจ ยกมือขึ้นลูบคงเบาๆ มั่นใจได้เลยว่าแรงของสองคนนั้นทำคางเขากระแทกโต๊ะแทบหัก
แฮร์รียิ้มแหย่ ไม่ค่อยจะรู้สึกสบายใจขึ้นสักเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นก็ก้มหน้าก้มตาพยายามไม่สนใจ ทานอาหารต่อ แต่ก็ได้แค่ครู่เดียวเท่านั้น สุดท้ายแฮร์รี่ก็เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ถึงตรงนี้เห็นได้ชัดว่าหลายๆ คนสะดุ้งกันเป็นแทบรีบกุลีกุจอหันไปทานอาหารของทนทันทีหลังจากที่อยู่ตกอยู่ในภวังค์มานาน
“ให้ตายเถอะ แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวกลั้วหัวเราะ “เธอเสน่ห์แรงเป็นบ้า”
“เฮิร์ม...!” แฮร์รี่ทำสีหน้าอึดอัด เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ
“โอเคๆ ฉันเข้าใจน่า อย่าสนใจเลยแฮร์รี่”
“นั่นสิ” รอนพูดขึ้น เขาตักเนื้อไก่งวงเข้าปาก เคี้ยวแล้วกลืนจึงกล่าวต่อ “นาย— เธออย่าไปสนใจคนพวกนั้นเลย ทานอาหารแล้วขึ้นหอไปนอนกันดีกว่า— อะ!”
รอนร้องขึ้นมาหลังจากกล่าวประโยคนั้นจบ แน่นอน ไม่ใช่แค่รอน ทั้งแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ ดีน เซมัส เนวิลล์และคนอื่นๆ ที่ได้ยินหันขวับมามองแทบทันที แฮร์รี่หน้าซีดเล็กน้อย หล่อน (เขา) ไม่ทันคิดถึงเรื่องห้องนอน... ก่อนจะชะงักแล้วหันไปสบตาเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งอีกฝ่ายยักไหล่กลับมา
“ไม่อยากเข้าหอนอนชายมองความสกปรกที่พวกนายทำ” เขา (หล่อน) กล่าวพลางเหลือบมองผู้ถูกล่าวถึงสามสี่ตัวที่นั่งติดๆ กันกับเขา (หล่อน) “แต่ก็ช่วยไม่ได้ ฉันกับแฮร์รี่คงต้องสลับห้องกันวันหนึ่ง”
ว่าจบก็ดื่มน้ำฟักทอง
แฮร์รี่ยิ้มนิดๆ รับคำของเฮอร์ไมโอนี่ ขณะที่อีกสี่หนุ่มเบ้หน้า มีหนึ่งถึงสองคนที่ทำหน้าเสียดายขึ้นมา ในขณะที่อีกคนหนึ่งกำลังหน้าซีดอย่างหวั่นกลัวเพื่อนสาวในคราบหนุ่ม ส่วนอีกคนทำหน้าเซ็งโลก แฮร์รี่อดยิ้มขำนิดๆ มองเพื่อนทั้งสี่ไม่ได้ ก่อนจะหันกลับไปสนใจอาหารต่อและพยายามไม่ใส่ใจกับสายตาหลายๆ คู่ที่เหลือบมองมา
อีกฟากหนึ่งทางโต๊ะสลิธีริน เดรโกกำลังจับจ้องมองร่างบอบบางของหญิงสาวที่ทานอาหารอยู่ เขาเริ่มเขี่ยอาหารในจานเหม่อๆ นั่นทำให้แพนซี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตีแขนเขาเบาๆ เชิงเรียกสติ เดรโกสะดุ้งหน่อยๆ แล้วหันมามองหล่อน
“เหม่ออีกแล้วนะเดรโก... ทานอาหารเถอะ เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”
แพนซี่กล่าวอย่างเป็นห่วง แล้วถอนหายใจออกมา เดรโกมุ่นคิ้วนิดๆ ก่อนหันกลับไปมองแฮร์รี่อีกครั้ง เห็นอีกฝ่ายมีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับบนใบหน้าก็อดดีใจเล็กน้อยไม่ได้ที่แฮร์รี่เริ่มยิ้มได้บ่อยขึ้น
“เดรโก—“
“ยังไม่ค่อยหิวน่ะ” เดรโกขัดขึ้น
“ไม่ค่อยหิวเพราะมองหน้าใครก็ไม่รู้จนอิ่มใจล่ะสิ” แพนซี่แขวะ แล้วหัวเราะแผ่วเบาขึ้นมาเมื่อเดรโกหันขับมามอง “โธ่ เดรโก... อย่ามองอย่างนั้นสิ จะว่าไปแล้วทำไมเสื้อเธอดูเปียกๆ อย่างนั้นล่ะ?”
กล่าวถามเมื่อสังเกตเสื้อดีๆ คนถูกถามไหวตัวเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีจางๆ เอ่ยตอบตะกุกตะกักเรียบเรียงคำพูดออกมาไม่เป็นประโยค
“เขาร้องไห้น่ะ... แล้วก็... เขามา... ฉ— ฉันกอดปลอบ... คือ...”
“พอๆๆ”
แพนซี่รีบยกมือห้ามแล้วกล่าวรัวเมื่อเห็นพ่อคุณหน้าแดงตอบไม่เป็นภาษา รู้สึกปวดหัวเบาๆ หมอนี่มันปากไม่ตรงกับใจแล้วยังหน้าบางอีกเหรอ เห็นปกติก็ทำหน้าเย็นชาใส่ชาวบ้านชาวช่องได้ หญิงสาวส่ายหน้าไปมา นึกเอือมระอาเบาๆ
“สรุปก็คือพอต—”
“อย่าเอ่ยชื่อเขานะ!” เดรโกรีบขัด แพนซี่ยิ้มขำก่อนกล่าวขึ้นใหม่
“สรุปคือเขาร้องไห้ แล้วเข้ามาซบอกเธอ เธอเลยกอดปลอบ ประมาณนั้น?”
เดรโกพยักหน้ารับ ใบหน้าแดงระเรื่ออย่างช่วยไม่ได้ ก่อนรีบก้มหน้าทานอาหารเพื่อไม่ให้ใครเห็นใบหน้าของเขาตอนนี้ แพนซี่หัวเราะ นั่นทำให้เขามุ่ยหน้าไม่พอใจ
“หัวเราะอะไรน่ะแพนซี่” เบลสที่นั่งถัดจากแพนซี่ไปสองคนเอ่ยถามอย่างฉงน
“อ้อ!” เหลือบมองเพื่อนหนุ่มข้างกายที่ถลึงตาใส่หล่อน “หัวเราะไม่มีสาเหตุน่ะเบลส อย่าสนใจฉันเลย คิกๆ” กล่าวกลั้วหัวเราจบก็ยกมือปิดปากหัวเราะจนตัวสั่นท้องแทบแข็ง
เดรโกชักสีหน้าไม่พอใจ ยกแขนขึ้นเท้าคางเมินหน้าหนีเพื่อนสาวที่เอาแต่หัวเราะขำขันเขาไม่หยุด เขาไม่เข้าใจว่ามันน่าตลกตรงไหนกัน คิดพลางใช้มือีกข้างยกน้ำฟักทองขึ้นดื่ม
“งั้นเหรอ” เบลสเลิกคิ้วมอง น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อ “นึกว่ามีอะไรเกี่ยวกับเดรโก... หรือไม่ก็พอต—”
“หุบปากเลยนะ!” เดรโกโพล่งขึ้นมาทันที ใบหน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด
เพียงเท่านั้น เบลส ซาบินี่ก็ขำก๊ากออกมาเสียงดังลั่นให้ทั้งโต๊ะสลิธีรินมองว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้ทั้งกริฟฟินดอร์ เรเวนคลอ และฮัฟเฟิลพัฟก็มองกันมาเป็นตาเดียวอย่างอยากรู้นักว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนมองงุนงงเริ่มกระซิบกระซาบถามเพื่อนๆ ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นในขณะที่แพนซี่ตอนนี้ยกมือปิดปากกลั้นขำ ส่วนเบลสก้มหน้าลงกับโต๊ะแล้วปล่อยก๊ากไม่หยุด
ให้ตายสิ
เดรโกเบ้หน้า เขาพยายามหดตัวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตา หรือเป็นที่สงสัยของทุกๆ คน เขาเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปาก
“พวกนายขำอะไรกันน่ะ!?”
เสียงหนึ่งดังขึ้นทางโต๊ะกริฟฟินดอร์ เดรโกมั่นใจว่านั่นเสียงของวีเซิลคนไหนสักคนหนึ่งในสองแฝด
“เปล่าหรอก!” เบลสตอบกลั้วหัวเราะทั้งที่ยังก้มหน้ากับโต๊ะ
“เฮ้! มัลฟอย!!”
เดรโกสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกเรียกชื่อ เขาชะงักแล้วค่อยๆ เงยหน้ามองคนเรียก ซึ่งก็คือหนึ่งในสองแฝด... สักคนน่ะ เดรโกไม่รู้ว่าใคร (เดรโกไม่รู้ว่าในสองแฝดคนไหนจากไป) เขามองจอร์จ วิสลีย์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเชิงถามว่า มีอะไร ทั้งที่แอบกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ
“เพื่อนนายหัวเราะอะไรกันน่ะ!? ไม่เกี่ยวกับเราใช่ไหม!?”
ฟันธงได้เลยว่า เรา ในที่นี้หมายถึงเด็กกริฟฟินดอร์ทั้งหมด
เดรโกเหลือบไปมองแฮร์รี่ และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ถึงได้สะดุ้งหน่อยๆ แล้วหลบสายตาเขาไป เดรโกเห็นดวงหน้าน่ารักนั่นขึ้นสีจางๆ ชวนให้เขาอมยิ้มนิดๆ
“ไม่.. มันไม่เกี่ยวกับนาย”
เดรโกตอบเสียงราบเรียบเบนสายตากลับมาสบกับจอร์จ วิสลีย์ ขอบอกว่า นาย ที่เขาพูดถึงนั้น เจาะจงจริงๆ ไปที่สองแฝดวีเซิล (ที่เหลือคนเดียว)... เพราะเขาหมายถึงมัน(?)โดยตรง ไม่ใช่ เด็กกริฟฟินดอร์ทั้งหมด และดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจอะไร กำลังจะหันไปทานอาหารต่อ
เว้นแต่นัยน์ตาคู่โตสีมรกตไหววูบหน่อยๆ หม่นแสงลงเล็กน้อยเมื่อได้ยิน...
ทว่า...
“เฮ้!” เบลสร้องท้วง แล้วลุกจากเก้าอี้สลับที่ไปนั่นข้างๆ แพนซี่พลางเท้าโต๊ะหันหน้ามองเดรโก “มันคนละความหมายกันเว้ยเพื่อน เจ้าแฝดนั่นหมายถึง เด็กกริฟฟินดอร์ ไม่ใช่เขา!”
เสียงของเบลสดังพอๆ ที่จะทำให้ทุกคนมองมาอย่างสนใจอีกครั้ง
“เงียบซะเบลส ซาบินี่!!” เดรโกตวาดใส่ทันที ไอ้เพื่อนบ้านี่...
“โธ่! ไม่เอาน่าเดรโก... บอกพวกเขาไปสิ! ว่าเกี่ยวกับพะ—”
“แพนซี่ พาร์กินสัน!!” เดรโกทุบโต๊ะ ลุกขึ้นยืนและตวาดลั่น กระทั่งเธอก็ด้วยเรอะ!!
ตอนนี้ อากัปกิริยาท่าทางการกระทำและคำพูดของเดรโกอยู่ในสายตาของทุกคนในห้องโถง ทั้งนักเรียน ศาสตราจารย์ หรือแม้แต่ฟิลช์ที่กำลังจู๋จี๋(?)กับคุณนายนอริสยังมองมาที่เขา เดรโกกลืนน้ำลายเอื๊อก เจ้าเพื่อนสองคนนี้มันจงใจอย่างเห็นได้ชัด!
เดรโกก้มหน้านิ่งไปสักห้าวินาที ก่อนที่เขาจะกระแทกเท้าปึงปังเดินออกจากห้องโถง โดยฝากคำพูดทิ้งท้ายไว้แค่ว่า “ฉันอิ่มแล้ว! จะกลับหอ! เจอกันเมื่อไหร่ ระวังไว้เถอะ!!”
เบลสยิ้มแหย่แอบกลืนน้ำลายลงคอ ส่วนแพนซี่ยิ้มแห้ง พวกเขาสองคนมองหน้ากันเล็กน้อย สงสัยแกล้งแรงไปหน่อยแล้ว... เจ้าตัวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย ก็รู้หรอกนะว่าไอ้คุณเพื่อนเจ้าชายน้ำแข็งแห่งสลิธีริน ที่จริงมันหน้าบางมาก ขี้อายเหลือเกินเชียว แถมอายแบบใช้โทสะกลบเกลื่อนด้วย
ว่าแล้วก็ขอปลงกับนิสัยพ่อคุณชายตัวดีสักหน่อย เฮ้อ...
ทุกคนตอนนี้หันกลับไปทานอาหารกันต่อแล้ว อย่างไม่คิดจะถามหาความว่าเกิดเหตุอะไรกับพ่อคุณชายตระกูลมัลฟอย และแน่นอนว่าแพนซี่กับเบลสไม่คิดจะกล่าวถึง ทั้งสองแอบคิดในใจแต่ว่า ชาตินี้หนอ คุณเพื่อนรักของพวกเขาจะจีบสาว(?)คนนี้ติดไหม ว่าแล้วก็เหลือบมองไปทางโต๊ะกริฟฟินดอร์
“!?”
...แฮร์รี่ พอตเตอร์ หาย?...
ปากบอกจะกลับ... แต่ใจนี่เหม่อลอยไปไหนไม่อาจทราบ
พอๆ กับร่างกายที่ยังคงก้าวเดินฉับๆ ไปตามทางเดินอย่างไม่คิดจะชะลอฝีเท้า ในหัวมีภาพของนัยน์ตาสีมรกตที่เบนกลับมาสบกับเขาเมื่อเบลสร้องท้วงขึ้นมา แถมยังจ้องเขานิ่งราวกับรอคอย หรืออยากฟังอะไรสักอย่าง
ทั้งเขิน... ทั้งอาย
“โธ่เว้ย!!” เขาสบถลั่นทางเดิน
เฮือก...
เดรโกชะงักเท้า รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าได้ยินเสียงเหมือนคนสะดุ้งตกใจ? นั่นทำให้เขาขยับขาหันกลับไปมองหมายจะเอาเรื่องเจ้าคนที่มันบังอาจตามเขามา
แต่แทนที่เขาจะได้เอาเรื่องกลับต้องเบิกตากว้างแทบถลนเสียอย่างนั้น
“พ พอตเตอร์...”
ใช่แล้ว คนที่ตามเขามาคือคนที่เขากำลังนึกภาพถึง หญิงสาวตรงหน้าผงะไปเล็กน้อย ใบหน้าหน้าหวานใส่ก้มลงนิดหน่อย นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลสวยเหลือบขึ้นมามองเขาแล้วหลุบลงไป ดูท่าทางราวกำลังเหนียมอาย? มือบางยกขึ้นกุมบางสิ่งบริเวณคอไว้
อ่า... ยังใส่ไว้อยู่เลย
เดรโกรู้สึกว่าใบหน้าเขาร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อเห็นสายสร้อยสะท้อนแสงพระจันทร์เปล่งประกายวาววับ เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะถอดแล้วด้วยซ้ำหลังจากที่เกรนเจอร์สวมมันให้ ไม่คิดว่าจะยังใส่มันอยู่ ตอนที่กอดปลอบก็ไม่ได้สังเกตแหะ
คิดแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาจริงๆ แดงถึงใบหูเลยล่ะ
“ม มีอะไร...” เดรโกรีบหันหน้าหนี เค้นเสียงถามตะกุกตะกัก
แฮร์รี่ลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ย
“ฉัน... เห็นนายดู... อารมณ์ไม่ดี... คือ—” หล่อน (เขา) พูดตะกุกตะกัก ก่อนถอนหายใจออกมา “ไม่รู้สินะ... นายโอเครึเปล่า? ทำไม่ต้องกระฟัดกระเฟียดกับพวกเขาขนาดนั้น?”
เดรโกมุ่นคิ้ว ตอบกระชากเสียงใส่
“นายก็เห็นอยู่ว่าฉันโอเคไหม อีกอย่างเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับนาย!”
ไอ้ปากพาซวย!!
เดรโกก่นด่าตัวเองในใจ เมื่อกล่าวจบประโยคจึงรู้ตัวว่าเขากระชากเสียงใส่คนตรงหน้า เดรโกอยากตบหน้าผากตัวเองสักหลายๆ รอบ นัยน์ตาสีฟ้าซีดมองไปทางแฮร์รี่ ซึ่งอีกฝ่ายดูจะชะงักไปตอนที่ได้ยินคำพูดของเขา แฮร์รี่เงียบไปสักพัก
เอาแล้วไงเดรโก ไม่น่าพูดอย่างนั้นออกไปเลย บ้าที่สุด!
“อ้อ” เสียงหวานดังขึ้นจะริมฝีปากอวบอิ่มเล็กน้อย “ฉันขอโทษแล้วกันที่เข้ามายุ่ง ฉันคงไร้มารยาทไปหน่อยกับการยุ่งเรื่องคนอื่นเขา เอาเถอะ ฉันผิดเอง ขอโทษด้วยแล้วกัน”
ว่าจบก็เดินผ่านชายหนุ่มร่างสูงไปทันที เดรโกอ้าปากค้าง งานเข้ากันเลยทีเดียวคราวนี้ เดรโกรีบหมุนร่างตัวเองไปมองร่างเล็กของคู่อริที่ยังคงอยู่ในร่างของหญิงสาว “เฮ้!” เขาร้องเรียก
แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ เดรโกเลยต้องเร่งเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งและคว้าแขนบอบบางนั่นไว้เพื่อรั้งอีกฝ่ายไม่ให้เดินต่ออีก แฮร์รี่หันมามองเขา นัยน์ตาสีมรกตเรียบเฉยสบกับนัยน์ตาสีฟ้าซีด ก่อนจะเลื่อนไปมองมือแกร่งที่คว้าข้อมือไว้
เดรโกผ่อนแรงจับลงเล็กน้อย แต่ไม่ยอมปล่อยข้อมืออีกฝ่ายไป
“ฉันแค่กำลังโมโห” เดรโกอธิบาย “ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้นนะ” ประโยคต่อมาเขากล่าวเสียงแผ่ว เขาไม่เคยพูดกับใครอย่างนี้นะ! ให้ตายเถอะ ขนาดแค่พยายามพูดดีๆ กับอีกฝ่ายเขายังรู้สึกกึ่งอายกึ่งกระดากขนาดนี้เลยเหรอ
แฮร์รี่มองคู่อริของตนนิ่ง ก่อนจะบิดข้อมือตัวเองแล้วดึงออกมาหมายจะให้หลุดพ้นจะมืออีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับเพิ่มแรงจับเล็กน้อย แล้วดึงกลับมา พอหล่อน (เขา) ทำอีกครั้ง คู่อริตัวดีก็คว้าข้อมืออีกข้างมาทันที แฮร์รี่มุ่นคิ้วแล้วกล่าว
“ปล่อยนะ”
“ไม่” ตอบกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“มัลฟอย ปล่อย” เสียงหวานเริ่มกดต่ำ
“...ไม่ปล่อย” เสียงทุ้มนั่นลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวแผ่ว
“เดรโก มัลฟอย” เสียงหวานเริ่มมีอารมณ์กรุ่นๆ
เดรโกกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้และไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนบางทีเขาอาจจะตอบกลับไปว่า ‘ฉันรู้ชื่อตัวเองดีเธอไม่ต้องมาย้ำหรือบอกฉันหรอก’ แล้วเขากับคนตรงหน้าอาจทะเลาะกันถึงขั้นชักไม้กายสิทธิ์เพราะเขาไม่ยอมให้ใครเหนือเขาเด็ดขาด
แต่ตอนนี้มันต่างกัน เดรโกปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแฮร์รี่มีอิทธิพลต่อเขามาก อีกฝ่ายดูอยู่เหนือเขาไปเลย ทั้งๆ ที่พอจบสงครามแฮร์รี่ก็ดูอ่อนแอลงไปมาก อาจเพราะบาดแผลจากสงครามมันบาดลึกมากเกินกว่าเจ้าตัวจะรับไหว แต่กลับรับไว้อยู่เพียงคนเดียว
“อย่าโกรธสิ” เดรโกกล่าวเสียงแผ่ว ผ่อนแรงที่มือลงเล็กน้อย
แฮร์รี่มองเดรโก ความรู้สึกในใจมันปั่นป่วนไปหมด นี่เป็นอีกครั้งที่คู่อริของหล่อน (เขา) ทำตัวแปลกๆ แฮร์รี่รู้สึกว่าตัวเองตามอีกฝ่ายไม่ค่อยทันเท่าไหร่ ทั้งความคิดและการกระทำ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร ทำอะไร และ... อีกฝ่ายต้องการอะไร
“ไม่ได้โกรธ... แต่ถ้านายไม่มีอะไร นายก็ปล่อย”
แฮร์รี่กล่าวเสียงราบเรียบ
เดรโกเริ่มรู้สึกกระดากที่จะพูดหรือทำ เขารู้สึกไม่ใช่ตัวเองขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังรู้สึกว่าไม่อยากปล่อยมืออีกฝ่าย เขาเลยยังคงจับเอาไว้อย่างเอาแต่ใจ
“ไม่เอา... ไม่อยากปล่อย” แฮร์รี่เลิกคิ้วนิดๆ มองเขา “เรื่องเมื่อกี้... ฉันแค่ไม่ค่อยอยากพูดถึงน่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้นกับนายจริงๆ นะ” เดรโกอธิบาย
“นายแปลกๆ นะมัลฟอย... ดูไม่เหมือนเดิม?” แฮร์รี่มองเดรโกแบบแปลกๆ
“นาย— เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ” เดรโกกล่าวตอบแทบทันที
“ฉันก็ยังเป็นฉันนะ แต่นายน่ะ... ทำตัวอย่างกับเด็กๆ จะโดนพรากของรักของหวง” แฮร์รี่ว่า รอยยิ้มขำขันเล็กๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าหวาน เดรโกชะงัก
เขาดูเหมือนเด็กขนาดนั้นเลยเรอะ?
เดรโกอดคิดไม่ได้ แต่เขาก็แอบรู้สึกว่าตัวเองเริ่มทำตัวแปลกๆ ...และโดยไม่ทันยั้งปากมันก็พูดไปเสียแล้ว...
“ไม่แน่ฉันอาจจะเป็นเด็กที่กำลังจะจากของรักของหวงก็ได้ถ้าฉันปล่อยมือเธอ”
แฮร์รี่ชะงัก เดรโกก็ชะงัก
ฉันพูดบ้าอะไรออกไปน่ะ!?
เดรโกโวยวายในใจแล้วกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาเห็นดวงหน้าหวานนั้นขึ้นสีจางๆ ถ้าเขาตาไม่ฝาดล่ะก็นะ แต่ไม่ว่ายังไง พอพระจันทร์ส่องแสงกระทบลงมาบนใบหน้านวลเนียนนี่ เขาก็อดคิดว่าคนตรงหน้าเขาน่ารักไม่ได้
“ปล่อยได้แล้วน่า มัลฟอย” แฮร์รี่เอ่ยเสียงงึมงำ
“อ— อ่า... ท โทษที” เดรโกปล่อยมือทั้งสองข้างแบบเก้ๆ กังๆ “เอ่อ... เมื่อครู่นี้ ฉัน... คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปนะ” ว่าพลางยกมือข้างหนึ่งลูบต้นคอ นัยน์ตาสีซีดเสมองไปทางอื่นอย่างเก้อเขิน
แฮร์รี่มองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายแล้วอดยิ้มออกมานิดๆ ไม่ได้ หล่อน (เขา) แอบคิดว่าเวลาคู่อริตนเป็นแบบนี้ก็ดูน่ารักดีนะ
“มองอะไรน่ะ” เสียงของเดรโกทำให้แฮร์รี่ไหวตัวหน่อยๆ
“เปล่า...” เสียงหวานตอบแผ่วแล้วเสมองไปทางอื่นแทน เมื่อนัยน์ตาคู่คมตวัดฉับกลับมามอง
รอยยิ้มกริ่มปรากฏบนใบหน้าคมคาย แฮร์รี่ไม่เห็น เนื่องจากหล่อน (เขา) อดรู้สึกเขินนิดๆ ไม่ได้ และไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกแบบนั้น
“แฮร์รี่!!”
เสียงตะโกนของรอนทำให้แฮร์รี่สะดุ้ง ส่วนเดรโกไหวตัวหน่อยๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปมองด้านหลังเห็นร่างสองร่างวิ่งมาไหวๆ ของชายหนุ่มคู่หนึ่ง
รอนและเฮอร์ไมโอนี่วิ่งเข้ามาหาแฮร์รี่ โดยที่เฮอร์ไมโอนี่วิ่งเข้าไปหาแฮร์รี่แล้วถามถึงสาเหตุที่แฮร์รี่ออกมาไม่บอกกล่าว ส่วนรอนกลับจ้องหน้าจ้องตากับเดรโกเขม็งอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวโกรธกันมาสิบชาติหรือมากกว่านั้น
“นายมาทำอะไรที่นี่มัลฟอย” รอนเริ่ม
“จะกลับหอไง”
“แล้วนายมาพูดอะไรกับเพื่อนฉัน!?”
“แค่คุยกันนิดหน่อย”
“คุยเหรอ!? นายใช้คำว่าคุยอย่างนายเนี่ยนะ!!? จะ—”
“โรนัลด์ วิสลีย์”
สองเสียงของแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ดังประสานกัน แฮร์รี่ส่งสายตาปรามไปที่รอน ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง รอนยอมหุบปากแต่โดยดี และแน่นอนว่าแอบเขม่นใส่มัลฟอยเล็กน้อย ก่อนเดินอ้อมไปหาเพื่อนรักและแฟนสาว (ที่ยังอยู่ในคราบชายหนุ่ม)
“กลับหอกัน”
รอนว่าแล้วเดินนำไป เฮอร์ไมโอนี่ตบบ่าแฮร์รี่เบาๆ ก่อนเดินตามรอนไป แฮร์รี่ยังยืนอยู่ที่เดิม หล่อน (เขา) มองตามหลังเพื่อนไป นิ่งคิดบางอย่างสักพักแล้วหันไปหาคู่อริที่มองหล่อน (เขา) อยู่ก่อนแล้ว แฮร์รี่มองเดรโกนิ่งก่อนเดินถอยหลังสองสามก้าว
“เอ่อ... ฉันไปล่ะนะ”
“อืม...” เดรโกขานเบาๆ
“เจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน... มัลฟอย”
“...อ อืม... แล้วเจอกัน” เดรโกดูแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ารับ
“ราตรีสวัสดิ์นะ”
“ราตรีสวัสดิ์ แฮร์รี่”
แฮร์รี่รู้สึกแปลกใจที่โดนเรียกชื่อ ใบหน้าหวานขึ้นสีจางๆ แฮร์รี่ยกมือขึ้นโบกลาเดรโกเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินเร็วๆ กลับหอ
เดรโกยืนมองตามแผ่นหลังของแฮร์รี่ไป เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ขณะค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นัยน์ตาคมค่อยๆ ปรือหลับลงช้าๆ ขยับกายเล็กน้อยพิงกำแพง รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากได้รูป
ดีใจ...?
ไม่รู้สิ แต่รู้สึกดีเป็นบ้า
ขายาวค่อยๆ ก้าวเดินช้าๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังหอสลิธีริน เนื่องจากเด็กในห้องโถงเริ่มทยอยกันออกมามากแล้ว เดรโกไม่อยากให้ใครเห็นเขาตอนนี้ ไม่ว่าจะใครก็ตาม เพราะในตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองยิ้มไม่หุบ... ไม่สิ ต้องบอกหุบยิ้มไม่ได้เลยต่างหาก
เขารู้สึกดี ดีมากๆ ดีจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก
มีความสุข
ความรู้สึกของเขาตอนนี้ เดรโกรู้ว่าใบหน้าของเขาร้อนผะผ่าวไปหมด นี่ถ้ายังไม่มีคนออกมาจากห้องโถง เกรงว่าเขาคงตะโกนโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจอย่างไม่อายใครแน่ๆ รู้สึกวางตัวไม่ถูกยังไงชอบกล พอนึกถึงใบหน้าอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกเขินไปหมด
บ้าไปแล้ว เขาบ้าไปแล้วแน่ๆ รู้สึกไม่อยากหุบยิ้มเลย...
อ่า... วันนี้ฝันดีแน่ๆ
แฮร์รี่ลืมตาตื่นตั้งแต่เช้ามืด หันซ้ายขวามองรอบห้อง เห็นเพื่อนร่วมห้องกำลังนอนหลับสบายอยู่ และหล่อน (เขา) ก็ไม่คิดจะรบกวน
แฮร์รี่ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้า เพื่อมั่นใจว่าจะไม่ไปปลุกใครตื่นเข้า แล้วจึงอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ตื่นเช้าตรู่ แถมไม่อยากกลับไปนอนต่อเท่าไหร่ ทำให้เกิดความคิดที่ว่าจะเดินเล่นสักหน่อย เมื่อแต่งตัวเสร็จเลยรีบเดินออกจากหอไปทันที
นัยน์ตาสีมรกตมองทัศนียภาพรอบด้าน ฮอกวอตส์ในตอนเช้าตรู่ดูสงบสุข แฮร์รี่เดินไปเรื่อยๆ ดูไร้จุดหมาย แต่หล่อน (เขา) อยากเก็บรายละเอียดในส่วนต่างๆ ของฮอกวอตส์ เลยหยิบแผนที่ตัวกวนติดมือมาด้วย ไหนๆ นี่ก็ปีสุดท้ายแล้ว
เวลาผ่านไปเร็วมากเหลือเกิน
แฮร์รี่คิด มือเรียวบางหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาจรดปลายลงบนกระดาษ ริมฝีปากอวบอิ่มขยับอ้าเตรียมกล่าวคำหากแต่ว่า...
“นั่นอะไรน่ะ?”

เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นข้างๆ หู ทำเอาแฮร์รี่สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ หล่อน (เขา) ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนเดินเคลื่อนตัวมาใกล้ตนมากขนาดนี้ ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงซ่าน เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดแก้มนวล และดูเหมือนคนแกล้งจะพอใจกับปฏิกิริยาคนถูกแกล้ง เขาจึงผละออกมาเล็กน้อย
“เล่นอะไรของนาย...!” เสียงหวานแหวใส่แผ่วเบา ไม่คิดหันไปหาอีกฝ่าย
“เฮ้... มารยาทพื้นฐาน เวลาคุยกันก็ควรมองหน้าคนที่คุยด้วยไม่ใช่หรือไง”
แฮร์รี่สะบัดหน้ามามองทันที พลางถลึงตาใส่อีกฝ่ายเล็กน้อยแล้วสะบัดหน้ากลับ
เดรโกหัวเราะแผ่วเบาเมื่อเห็นท่าทางของคู่อริ เขาเคลื่อนตัวไปยืนอยู่เคียงข้างแม่สาว (?) ตรงหน้าดีๆ แล้วจับจ้องไปยังกระดาษที่อยู่ในมือบอบบางนั่น พอจะเอื้อมมือไปหยิบมา แฮร์รี่ก็รีบขยับมือหลบทันที
“จะหยิบจับของใคร ขออนุญาตเจ้าของแล้วหรือยัง? แบบนี้มีมารยาทแล้วเหรอ?”
แฮร์รี่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางเค้นเสียง ฮึ ในลำคอ เดรโกหยักยิ้มเล็กๆ
“เธอยังไม่ตอบคำถามฉันเลย” เดรโกเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าแล้วกอดอกมอง
“จำเป็นต้องตอบหรือไงกันล่ะ?” แฮร์รี่สะบัดหน้าหนี แล้วเดินอ้อมเดรโกไป
เดรโกหันไปมองตามแผ่นหลังบางๆ นั่นพลางหัวเราะหน่อยๆ มือทั้งสองล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินชิวๆ ตามอีกฝ่ายไป แน่นอนว่าแฮร์รี่รู้ แต่ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งนั่นหมายความว่าแฮร์รี่ไม่ได้ปฏิเสธอะไรถ้าเช้านี้จะเดินเล่นกับเดรโก
“ข้าขอสาบานว่า ข้านั้นหาความดีมิได้”
เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา จรดปลายไม้กายสิทธิ์ลงบนแผ่นกระดาษ เดรโกมองดูอยู่ข้างๆ และเขาดูจะสนใจกับสิ่งที่ปรากฏบนกระดาษแผ่นนั้นมากทีเดียว แฮร์รี่เหลือบมองเดรโกเล็กน้อย
“โห...” เดรโกอุทานแผ่ว “หือม์?... ข้าพเจ้านายจันทร์เจ้า หางหนอน เท้าปุย และเขาแหลม... ใครเหรอแฮร์รี่?”
เลิกคิ้วถามพลางเลื่อนสายตาขึ้นไปจับจ้องใบหน้าหวาน แฮร์รี่ยิ้มบางๆ ส่งให้เดรโก แต่นั้นกลับทำให้เดรโกผงะ เพราะรอยยิ้มบางนั่นเจือความเศร้าปะปน เขาค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าเขาเอ่ยสิ่งที่ไม่ควรเอ่ยออกไปเสียแล้ว
“เอ่อ... ถ้ามันทำให้ลำบากใจ—”
“ไม่เป็นไรหรอก...” เสียงหวานหัวเราะแผ่ว “จันทร์เจ้า... ก็ศาสตราจารย์ลูปินไง นายจำได้ใช่ไหม คนที่สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดในชั้นปี 3 ของเราน่ะ”
“อื้อ” เดรโกพยักหน้ารับเล็กน้อย
“เท้าปุย คือ พ่อทูนหัวฉันเอง... ซีเรียส แบล็ก” แฮร์รี่เอ่ยน้ำเสียเจือความเศร้าและสั่นเครือ
“แบล็ก...” เดรโกทวนเสียงแผ่ว แฮร์รี่พยักหน้าให้เขา
“ใช่... ซีเรียสถูกลบชื่อออกจากตระกูล ที่บ้านเขาก็มีแผนผังตระกูลอยู่... เขาจากไปตอนฉันอยู่ปี 5... ในตอนที่โวลเดอร์มอร์แสดงภาพให้ฉันเห็นว่าเขาจับซีเรียสไปทรมาน” แฮร์รี่เริ่มเล่า
“ฉันกับพวกรอนก็บุกกันไปที่กระทรวง— กองปริศนา... ตอนที่ถูกผู้เสพความตายต้อนจนมุม... ซีเรียสกับคนในภาคีก็มาช่วยฉันไว้” ถึงตรงนี้แฮร์รี่ไม่ได้สบตาเดรโก
หล่อน (เขา) ไม่อยากจะเอ่ยว่าใครคือผู้ที่ต้อนให้พวกเขาจนมุม ในขณะที่เดรโกจ้องมองแฮร์รี่นิ่งๆ และเงียบๆ ไม่พูดอะไร คิ้วโก่งขมวดเล็กน้อย แต่ก็ยังรับฟังสิ่งที่คนข้างๆ เล่าต่อไป
“เราสู้กับผู้เสพความตาย... เอ่อ... แล้วตอนนั้นฉันกับซีเรียสก็ช่วยกันต่อสู้ กับ... ผู้เสพความตายคนหนึ่งน่ะ พอเขาคนนั้นพลาดท่า เบลลาทริกซ์ เลสแตรงค์ ก็ร่ายคำสาปพิฆาตใส่พ่อทูนหัวของฉัน... แล้ว... เขาก็ถูกดูดเข้าไปในม่านมรณะอะไรนั่น” แฮร์รี่กล่าวเสียงแผ่ว
เดรโกนึกภาพไม่ออกเท่าไหร่ แต่จากแววตาที่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัดของอีกฝ่ายแล้ว ท่าทางจะเลวร้ายพอดู เดรโกเอะใจเล็กน้อยกับคำที่แฮร์รี่ใช้บอกเล่าให้เขาฟัง คิ้วของเขาขมวดกันอีกนิดอย่างครุ่นคิด และเขาก็นึกออก
“ไม่ต้องเกรงใจฉันก็ได้” เดรโกเอ่ยขึ้น แฮร์รี่สบตากับเขาดูเหมือนจะรู้ความหมาย “ผู้เสพความตาย... เขาคนนั้นที่เธอพูดถึงคือพ่อของฉันใช่ไหมล่ะ”
แฮร์รี่ก้มหน้าลง ไม่สามารถตอบรับหรือปฏิเสธอะไรได้ เดรโกยิ้มจาง
“ไม่ต้องกังวลไรหรอกน่า... ฉันโอเค” เขามองไปที่หญิงสาว “แต่เธอน่ะโอเคหรือเปล่า ถ้าไม่อยากพูดถึง อันที่จริง ไม่ต้องก็ได้นะ ฉันไม่อยากรู้ขนาดนั้นหรอก”
“อื๋อ” แฮร์รี่ส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้เขา “ฉันโอเคน่า... ต่อไป ก็เขาแหลม” แฮร์รี่ชี้ไปที่ชื่อนั้นแล้วกล่าวต่อ “คือพ่อของฉันเอง”
เดรโกพยักหน้ารับพินิจมองใบหน้าหวานยามกล่าวถึงพ่อของตน นัยน์ตาสีมรกตสะท้อนความรัก คะนึงหา เศร้าสร้อยและเจ็บปวด รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้ามล เดรโกเดาไม่ออกว่า รอยยิ้มของแฮร์รี่นั้นสื่อความหมายอะไร
“ส่วนหางหนอน” นัยน์ตาของแฮร์รี่ดูแข็งกร้าวขึ้น “เขาคือปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์... ผู้เสพความตาย ภักดีต่อโวลเดอร์มอร์ แล้วทรยศพ่อแม่ฉัน... โยนความผิดทั้งหมดให้ซีเรียส ทำให้พ่อทูนหัวของฉันต้องติดคุกอัซคาบัน และกระทรวงก็ไม่คิดจะสืบความจริงอะไรเลย” เสียงหวานสั่นเครือ เต็มไปด้วยความแค้น เจ็บปวด โกรธ เสียใจปนเปกันไปหมด
“แฮร์รี่...” เดรโกวางมือไว้บนไหล่บางแผ่วเบาน้ำเสียงที่พูดออกมาทั้งเห็นใจและปลอบประโลม
แฮร์รี่ยิ้มให้เขา
“ช่างเถอะนะ... ยังไงเรื่องก็ผ่านมาแล้ว... โวลเดอร์มอร์ก็จากไปแล้ว เพราะงั้น... ฉันน่ะ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” แฮร์รี่หลุบตาลงเล็กน้อย มือเรียวบอบบางลูบเบาๆ ที่ชื่อของคนสามคนอย่างคะนึงหา เดรโกมองภาพนั้นแล้วยิ้มจางๆ มือที่วางบนไหล่บางเลื่อนไปลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ
“ไม่ใช่เด็กนะ” เสียงหวานว่า
“ฉันว่าเหมือน” เดรโกกล่าวหยอกล้อ
“มัลฟอย!” แฮร์รี่ตวัดตามองเขาแล้วพองลมข้างแก้ม
น่ารักเชียว
เดรโกหัวเราะเบาๆ แล้วมองกระดาษในมือบางนั่นอีกครั้ง “แล้วตกลง... ที่เธอถืออยู่น่ะมันอะไร? แล้ว... มันใช้ทำอะไรได้บ้างน่ะ?”
แฮร์รี่ยิ้มจาง แล้วคลี่กระดาษออกเผยให้เห็นแผนที่ลงรายละเอียดต่างๆ ของฮอกวอตส์ เดรโกมองอย่างตกตะลึง
“โห... นี่... พวกพ่อเธอเขียนเหรอเนี่ย” เขากวาดตามองทั่วแผ่นกระดาษ “ยอดไปเลย”
“นี่น่ะแผ่นที่ตัวกวน ยอดเลยใช่ไหมล่ะ” แฮร์รี่หัวเราะคิกเบาๆ “เฮ้อ... แต่แก๊งพ่อฉันน่ะแสบพอตัวเลยนะ... จนบางครั้ง ฉันก็รู้สึกผิดต่อศาสตราจารย์สเนป”
เดรโกเลิกคิ้ว แฮร์รี่จึงกล่าวต่อ “นายก็รู้ใช่ไหม เรื่องที่ฉันเถียงกับกระทรวงเรื่องของเขา และพยายามที่จะให้ภาพและชื่อของเขาอยู่ในรายชื่อของอาจารย์ใหญ่”
“อือ” เดรโกขานรับ พยักหน้าเล็กน้อย
“มัลฟอย... วันที่เขาตาย ฉันอยู่ที่นั้น เพิงโหยหวน... ฉันไม่เห็นเหตุการณ์แต่ฉันได้ยินทุกบทสนทนาระหว่างเขากับโวลเดอร์มอร์ และเขาก็ถูกฆ่า...หลังจากที่จอมมารหายไปจากเพิงโหยหวน ฉันก็เข้าไปในนั้น เขามอบความทรงจำของเขาให้ฉันได้เห็น” แฮร์รี่เล่า ใบหน้าหวานผินไปมองท้องฟ้าข้างนอก
“เขาน่าสงสาร...” แฮร์รี่หลุบตาต่ำ “ความเกลียดที่ฉันมีต่อเขาลดลงไปมากหลังจากที่ได้เห็นความทรงจำนั่น ฉันเกลียดเขาเพราะเขาดูถูกและถากถางฉันกับพ่อ แต่พอฉันได้เห็นความทรงจำของเขา ฉันถึงรู้... พ่อของฉันกับเขาไม่ถูกกันน่ะ และพ่อมักจะหาเรื่องแกล้งเขาเสมอ” แฮร์รี่หันกลับมามองเดรโก
“เขาดูโดดเดี่ยวมากเลยเดรโก...” แฮร์รีกระซิบเสียงแผ่ว ไม่ทันรู้ตัวว่าหลุดเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมา
“นั่นคือสาเหตุ... ที่นายพยายามมากขนาดนั้นสินะแฮร์รี่” เดรโกถามแผ่ว
“ใช่... เขาคอยปกป้องฉันอยู่เดรโก... ถึงจะไม่เต็มใจก็ตาม” แฮร์รี่หัวเราะแผ่ว “แต่เขาก็ปกป้องฉัน... ฉันอยากตอบแทนเขาบ้าง... แม้เล็กน้อยก็ยังดี” แฮร์รี่ก้มหน้าลง
“แฮร์รี่...” เดรโกเรียกเสียงแผ่ว “อ เอ้อ แล้วเธอเอาแผนที่นั่นมาทำอะไรล่ะ”
เมื่อไม่รู้จะพูดะไรหรือจะปลอบยังไงคงดีกว่าถ้าเปลี่ยนเรื่องไปเลย แฮร์รี่ยิ้มจาง เจือความเศร้าที่ยังไม่คลาย แล้วมองไปที่แผนที่ตัวกวน
“เดินเที่ยวฮอกวอตส์น่ะ มีเวลาอีกเป็นชั่วโมงกว่าหลายๆ คนจะตื่น ฉันเลยว่าจะเอาแผนที่ตัวกวนมาดู เดินตามจุดต่างๆ ของฮอกวอตส์ ดื่มด่ำไปกับมัน... ไหนๆ ปีนี้ก็ปีสุดท้ายแล้ว”
“อ้อ” เดรโกพยักหน้ารับ “งั้นไปด้วย”
แฮร์รี่มองหน้าเดรโก แต่ไม่ได้กล่าวรับหรือปฏิเสธอะไร ทำเพียงมองแผนที่แล้วก้าวเดิน แน่นอนว่าเดรโกก้าวตามไปติดๆ
“หายไปไหนมาแต่เช้าห๊ะ? เดรโก” เบลสเอ่ยถามทันทีที่เดรโกนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องโถง
“ไม่เกี่ยวกับนาย” เดรโกตอบเสียงราบเรียบ
“แล้วเป็นไงบ้างเถอะ?” แพนซี่เขยิบเข้ามาใกล้เดรโก เหลือบมองเบลสทางฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย แล้วกระซิบถาม
“อะไร เป็นไง?” เดรโกกล่าวถามพลางหั่นเนื้อไก่งวง
“อย่าไขสือเดรโก เธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร” แพนซี่กล่าว
สายตาเจ้าหล่อนเหลือบไปมองหญิงสาวที่คาถายังไม่คลาย ซึ่งนั่งคุยกับเพื่อนๆ อยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ อันที่จริงบอกคุยคงไม่ถูก บอกนั่งฟังฝ่ายเดียวจะถูกต้องกว่าด้วยซ้ำ เดรโกทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจแล้วจิบน้ำฟักทองเล็กน้อย
“ไม่ตอบอีก” แพนซี่เบ้หน้า “งั้นมีอะไรให้ช่วยบ้างหรือเปล่า” ก่อนเปลี่ยนคำถาม
คราวนี้เดรโกหันมาสบตากับเพื่อนสาว
“ฉันไม่รู้... ว่าจะเริ่มต้นทุกๆ อย่างยังไง” เดรโกมุ่นคิ้วกล่าว “ช่วงนี้ก็พยายามเข้าใกล้ พูดจาหาเรื่องน้อยลง อีกฝ่ายก็ระบายอะไรๆ ให้ฉันฟังบ้างหรอก แต่ไอ้คนอย่างฉันมันปลอบอะไรใครเป็นเสียที่ไหน เลยไม่ค่อยกล้าพูดอะไร” เขาเล่า
แพนซี่มองหน้าเขานิ่ง หล่อนกำลังคิด
ทีอย่างนี้ล่ะตอบเป็นชุด โธ่เอ๊ย! เดรโก
“นายกำลังเริ่มอยู่เดรโก แค่ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป” แพนซี่กล่าวออกมา
“แต่ฉันว่าแค่นี้ก็โอเคแล้วนะเพื่อน” เสียงเบลสดังขึ้น เขาดื่มน้ำฟักทองจนหมดแล้วกล่าวต่อ “จากที่ฟัง พะ— เอ้อ... อีกฝ่ายเองก็ระบายให้นายฟังนี้ ฉันว่าเขาไปเขื่อนแตกกับนายอย่างนั้น หมายความว่าเขาไว้ใจนายนะ”
“นายคิดงั้นเหรอ?” เดรโกมุ่นคิ้ว “ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายอยู่ในร่าง...?” กรอกตาเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมา
“ไม่น่า!” เบลสว่า พลางหัวเราะ
“เป็นไปได้น่ะเดรโก” แพนซี่เอ่ยเห็นด้วยกับเบลส “เพราะดูเวลาเขาอยู่กับเพื่อน... อย่างเพื่อนสนิทสองคนนั้นเงี้ย เขาก็ยังดูซึมๆ อยู่เลย อยู่กับนายดันระบายออกมาซะงั้น แสดงว่าเขารู้สึกอุ่นใจที่ได้อยู่กับนายนะ”
เดรโกค่อยๆ คิดตาม แล้วหันไปมองทางโต๊ะกริฟฟินดอร์เล็กน้อย มองได้ไม่นาน หนุ่มหัวแดงบางคนก็ดันหันมาเห็นทำให้เขาต้องรีบหันหน้ากลับเสียก่อน
“ไอ้หัวลีบนั่นมองอะไร” รอนบ่นอุบ
“ฉันไม่เห็นว่าเขาจะหันมา” เฮอร์ไมโอนี่กรอกตาแล้วหันไปมองด้านหลัง
“หมอนั่นมันหันไปตอนฉันหันไปเห็นนะเฮิร์ม!” รอนชักสีหน้า นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่
แฮร์รี่ยิ้มแห้ง “ไม่เอาน่าทั้งสองคน” เสียงหวานเอ่ยห้ามแผ่วๆ
“ว่าไป หน้านายไปโดนอะไรมาน่ะรอน?” แฮร์รี่มองข้ามไปที่ซีกหน้าด้านซ้ายของรอนที่มีรอยแดงเป็นปื้นยาวๆ รอนเบ้หน้าทันทีที่ได้ยิน ส่วนเซมัส เนวิลล์ และดีนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลสะดุ้งเฮือกกันทันที นั่นทำให้แฮร์รี่สงสัยมากยิ่งกว่าเดิม
“ไม่มีอะไรหรอกน่า แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนตอบ แต่กลับมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าติดหวานนิดๆ นั่น แฮร์รี่มองงุนงง รอนเลยโน้มตัวเข้าไปกระซิบกับแฮร์รี่เบาๆ อย่างไม่อยากให้ใครได้ยิน
“เมื่อคืนน่ะแฮร์รี่ ฉันกับพวกเซมัสคุยกันสนุกไปหน่อย เฮิร์มที่บอกเรากว่าสิบรอบว่าจะนอนเลยลุกจากเตียงเอาหนังสือหนาประมาณ 3 – 4 นิ้วมาฟาดเราคนละที ฉันโชคร้ายโดนคนแรก แถมป๊ะเต็มๆ ที่หน้า ขอบอกว่าสลบเหมือด ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็เช้าแล้ว”
“...” แฮร์รี่พูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้
เมื่อโดนเฮอร์ไมโอนี่เขม้นใส่ รอนจึงปิดปากเงียบแล้วกลับไปจัดการอาหารมากมายในจานของตนต่อ แฮร์รี่หัวเราะแผ่วเบา แล้วยกแก้วดื่มน้ำฟักทองเล็กน้อย บ่งบอกว่าตอนนี้หล่อน (เขา) อิ่มแล้ว รอนและเฮอร์ไมโอนี่หันมามองอีกครั้งเนื่องจากแฮร์รี่ ทานน้อยมาก แต่ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไร หันไปจัดการอาหารตนต่อ
นัยน์ตาสีมรกตคู่งามมองไปทางโต๊ะสลิธีริน จับจ้องไปยังชายร่างสูงที่นั่งหันหลังให้ สักพักเจ้าของใบหน้าคมคายก็ดันหันมา ให้นัยน์ตาของทั้งคู่ได้สบประสานกัน
แฮร์รี่หันหน้าหนีเล็กน้อย แอบเหลือบมองอีกฝ่ายเป็นระยะๆ ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงซ่านจางๆ อีกฝ่ายที่จับจ้องมาก็ทันเห็น รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากได้รูป ขณะที่นัยน์ตาสีซีดนั่นจ้องมองร่างเพรียวบางของหญิงสาวไม่วางตา
จนแฮร์รี่ต้องลุกหนีนั่นแหละ เขาถึงหันกลับไปดื่มน้ำฟักทองรวดเดียวหมดแล้วรีบลุกตามออกไปทันที
“ดู... ดูเดรโกทำสิ” เบลสมองตามหลังเพื่อนของตน
“ปล่อยเขาไปเถอะน่า” แพนซี่ส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างเอือมระอา
“อ้าว? แฮร์รี่ไปไหนน่ะ” รอนชะเง้อคอมองตามหลังเพื่อนรัก
“อย่ายุ่งกับเขาน่ารอน จัดการอาหารในจานของนายให้หมดเร็วๆ จะได้ไปเรียนสักที” เฮอร์ไมโอนี่แว้ดใส่เข้าให้ ทำให้รอนต้องรีบทำตามที่แฟนสาว (ในคราบหนุ่ม) กล่าวทันที
เช้านี้ เป็นเช้าแรก ที่เริ่มมีความวุ่นวายปรากฏหลังจากสงคราม
Comments